เตรียมเอกสารที่พักและ ตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า จองยังไงไม่ให้เสียเงิน?

หนึ่งในเอกสารสำคัญที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าเชงเก้น หรือแทบจะวีซ่าทุกๆ ประเทศที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ เอกสารจองตั๋วเครื่องบิน และ เอกสารการจองที่พักแรม ซึ่งแน่นอนว่าทางสถานทูตอยากเห็นความเตรียมพร้อมด้านแผนการเดินทางของเรา ว่าเราจะเดินทางไปวันไหนและกลับวันไหน เมื่อไปถึงแล้วมีแหล่งพักอาศัยที่น่าเชื่อถือหรือไม่ แต่หลายคนก็อาจจะกังวลว่า การที่เราจะได้เอกสาร จองโรงแรม และ จอง ตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า มาได้ เราต้องทำการจองและจ่ายเงินจริงเลยหรือไม่…? โดยบทความนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะมาแนะนำการเตรียมเอกสารทั้งสองส่วนนี้ พร้อมทั้งขยายความความสำคัญเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวไปยื่นขอวีซ่าค่ะ

การเตรียมเอกสาร จองตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า
ประการแรกเรื่องของการ จองตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเอกสารการจองตั๋วเครื่องบินจะอยู่ใน Checklist เอกสารที่บังคับจำเป็นอย่างยิ่งในการ ขอวีซ่าเชงเก้น ทุกประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ทางสถานทูตก็ไม่ได้มีนโยบายให้ผู้เดินทางหรือผู้ประสงค์ที่จะยื่นคำร้องวีซ่าทุกประเภท ทำการซื้อตั๋วจริงก่อนได้รับอนุมัติผลวีซ่า แล้วอย่างนี้เราจะได้เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินมาได้อย่างไร? คำตอบก็คือ ทางผู้ประสงค์จะยื่นคำร้องวีซ่า สามารถใช้ใบจองตั๋วเครื่องบินแบบไม่ได้ชำระเงินค่าตั๋วจริงหรือที่เรียกว่า Itinerary ซึ่งเอกสารตรงนี้สามารถให้ทางสายการบิน หรือ เอเจนซี่ที่ทำการจองตั๋ว ออกเอกสารให้ได้เลย ใน Itinerary นั้นก็จะแสดงข้อมูลสำคัญที่ทางสถานทูตจะตรวจสอบดังนี้
1.ชื่อสายการบิน
2.ชื่อผู้เดินทาง (ส่วนนี้สำคัญมาก ต้องย้ำว่าให้ชื่อสะกดเป็นภาษาอังกฤษ และตัวอักษรต้องตรงตามหน้าพาสปอร์ตเท่านั้น)
3.แสดงวันเดินทางไป-กลับ
4.แสดงชื่อเมืองและประเทศต้นทาง-ปลายทาง
โดยทางสายการบิน หรือ เอเจนซี่ที่ทำการจองตั๋ว ก็อาจจะมีเรียกเก็บค่าบริการการจอง ตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า ที่ไม่สูงมาก หากถูกทางสถานทูตปฏิเสธวีซ่าก็ไม่ทำให้เราต้องเสียเงินไปมากเท่ากับการจองตั๋วเครื่องบินจริงๆ ซึ่งอย่างนั้นไม่คุ้มแน่นอนค่ะ และเมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถซื้อตั๋วจริงได้ตามแผนการเดินทางที่เราวางไว้ได้เลย

การเตรียมเอกสาร จองโรงแรม ขอวีซ่า
ประการที่สองเรื่องของการ จองโรงแรม ขอวีซ่า เอกสารนี้แนะนำว่าสามารถจองผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมทั่วไป เช่น Agoda หรือ Booking.com ได้เลย โดยสามารถเลือกจองที่พักที่สามารถยกเลิกการจองได้ แต่ข้อควรระวังก็คือ ก่อนการจองจะต้องดู period วันที่ยกเลิกไว้ด้วยนะคะ โดยเราจะต้องคำนวนวันที่เราไปยื่นวีซ่าไปจนถึงวันรับผลวีซ่า โดยเฉลี่ยก็ประมาณ 10-15 วัน ฉะนั้นต้องเลือกโรงแรมที่มีเงื่อนไขการยกเลิกการจองที่มากกว่า 15-20 วันขึ้นไป เพื่อไม่ให้การจองโรงแรมของเราถูกยกเลิกหรือถูกเก็บเงิน เพราะบางทีสถานทูตอาจมีการเรียกตรวจสอบการจองว่าการจองของเรามีตัวตนหรือมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยในใบจองโรงแรมนี้สิ่งสำคัญที่ทางสถานทูตจะดูก็คือ
1. ชื่อผู้เข้าพักแรม ข้อสำคัญคือ ชื่อจะต้องแสดงชื่อเป็นภาษาอังกฤษและสะกดตรงตามหน้าพาสปอร์ต และไม่ว่าจะสมัครวีซ่ากี่คนก็จะต้องแสดงชื่อให้ครบในเอกสารการจองทั้งหมด จะใช้เพียงชื่อเดียวไม่ได้ แต่ในกรณีที่เดินทางเพียงผู้เดียวก็สามารถแสดงชื่อเดียวได้
2. วันที่เข้าพัก Check-in และ Check-out จะต้องสอดคล้องกับตั๋วเครื่องบินที่เราเตรียมไปแสดง บางกรณีที่เดินทางหลายเมืองหรือหลายประเทศก็จะต้องจองให้ครบ
3. ชื่อ-ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม ต้องแสดงให้ชัดเจนในเอกสารการจอง เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจเอกสาร สามารถใช้สีไฮไลท์จุดสำคัญทั้ง 3 จุดที่แจ้งไว้ได้เลย

อ้างอิงเนื้อหาจาก https://www.sanook.com/travel/1421443/